รื้อหนังเก่า : ไซอิ๋ว 1995 : ขอให้เธอเป็นความรักครั้งสุดท้าย (ภาค1)

A Chinese to Odyssey Part 1 : Pandora’s Box ไซอิ๋ว 95 เดี๋ยวลิงเดี๋ยวคน 1 : อะไรนะ! ข้าคือ เห้งเจีย?

ภายหลังจากได้กลับมามอง ไซอิ๋ว 1995 หรือ ไซอิ๋วสักครู่ลิงประเดี๋ยวคน ทั้งยัง 2 ภาคอีกที ผมกลับคิดว่า ‘นี่มันใช่ภาพยนตร์ตลกจริงๆหรอ?’ ถึงแม้ภาพจำในสมัยก่อนของผมที่มีต่อกับภาพยนตร์ไซอิ๋วชุดนี้เป็นเต็มไปด้วยเป็นความขำขัน รวมทั้งมุกที่ผ่านการคิดอย่างเหนือชั้น แต่ว่าการได้กลับมามองรอบนี้ทำให้ผมเปลี่ยนแปลงภาพจำที่ตนเองเคยมีในสมัยก่อนที่ได้เคยมองผ่านช่อง 7 สีโดยสำเนียงเสียงบรรยายของกลุ่มอินทรีไปในมุมมองใหม่ เพราะว่ากลับเห็นว่าความเฮฮาเป็นเพียงแค่ตัวหลอก ความรักแล้วก็ความทุกข์ทรมานแสนสาหัสนี่สิเป็นสาระสำคัญที่จริงจริง (ผมขอไม่กล่าวถึงการ กลับมาของ ไซอิ๋ว ภาค 3 ในปีนี้ ที่ไม่มีโจวสิงฉือครับผม ด้วยเหตุว่าถือได้ว่าคนละซีรีส์กันแล้ว)

อะ มันอย่างไร เล่าต่อเลย ..

การดูรอบนี้ผมเลือกที่จะฟังภาษาจีนและก็อ่านซับไทยเอา เพราะว่าผมพอเพียงจำอารมณ์การนำกย์เสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของอินทรีได้ พลังอำนาจของการนำกย์เสียงนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงอารมณ์ของหนังอีกทั้งเรื่องได้อย่างไม่น่าเชื่อ แล้วก็การนำกย์ของอินทรีหรือผู้ช่วยเหลือเองก็ตามเป็นเสียงบรรยายที่โคตรจะมีผลต่ออารมณ์ของหนัง เป็นมนต์เสน่ห์ที่โดนจริตของชาวไทยได้อย่างไม่มีข้อแย้ง แม้กระนั้นเมื่อลักษณะเด่นถูกโยกไปอยู่ที่เสียงบรรยาย ก็อาจจะส่งผลให้อารมณ์แล้วก็ความรู้สึกบางสิ่งที่หนังต้องการจะสื่อออกมาโดนกลบหายไปอย่างโชคร้าย แน่ๆผมมิได้ว่ากล่าวกลุ่มบรรยายเพียงแค่บอกกับคนที่ต้องการจะทดลองกลับมามองอีกรอบว่า การไม่ฟังบรรยายไทยก็อาจจะทำให้คุณได้ศึกษาและทำการค้นพบว่าหนังบางประเด็นนั้นมีอะไรมากยิ่งกว่าเพียงแค่ภาพยนตร์ตลก

ด้วยเหตุว่าบางคราวเรื่องเศร้า พวกเราก็ไม่สามารถที่จะเฮฮาได้

ภายหลังจากได้กลับมามอง ไซอิ๋ว 1995 หรือ ไซอิ๋วสักครู่ลิงประเดี๋ยวคน ทั้งยัง 2 ภาคอีกที ผมกลับคิดว่า ‘นี่มันใช่ภาพยนตร์ตลกจริงๆหรอ?’ ถึงแม้ภาพจำในสมัยก่อนของผมที่มีต่อกับภาพยนตร์ไซอิ๋วชุดนี้เป็นเต็มไปด้วยเป็นความขำขัน รวมทั้งมุกที่ผ่านการคิดอย่างเหนือชั้น แต่ว่าการได้กลับมามองรอบนี้ทำให้ผมเปลี่ยนแปลงภาพจำที่ตนเองเคยมีในสมัยก่อนที่ได้เคยมองผ่านช่อง 7 สีโดยสำเนียงเสียงบรรยายของกลุ่มอินทรีไปในมุมมองใหม่ เพราะว่ากลับเห็นว่าความเฮฮาเป็นเพียงแค่ตัวหลอก ความรักแล้วก็ความทุกข์ทรมานแสนสาหัสนี่สิเป็นสาระสำคัญที่จริงจริง (ผมขอไม่กล่าวถึงการ กลับมาของ ไซอิ๋ว ภาค 3 ในปีนี้ ที่ไม่มีโจวสิงฉือครับผม ด้วยเหตุว่าถือได้ว่าคนละซีรีส์กันแล้ว)

อะ มันอย่างไร เล่าต่อเลย ..

การดูรอบนี้ผมเลือกที่จะฟังภาษาจีนและก็อ่านซับไทยเอา เพราะว่าผมพอเพียงจำอารมณ์การนำกย์เสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของอินทรีได้ พลังอำนาจของการนำกย์เสียงนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงอารมณ์ของหนังอีกทั้งเรื่องได้อย่างไม่น่าเชื่อ แล้วก็การนำกย์ของอินทรีหรือผู้ช่วยเหลือเองก็ตามเป็นเสียงบรรยายที่โคตรจะมีผลต่ออารมณ์ของหนัง เป็นมนต์เสน่ห์ที่โดนจริตของชาวไทยได้อย่างไม่มีข้อแย้ง แม้กระนั้นเมื่อลักษณะเด่นถูกโยกไปอยู่ที่เสียงบรรยาย ก็อาจจะส่งผลให้อารมณ์แล้วก็ความรู้สึกบางสิ่งที่หนังต้องการจะสื่อออกมาโดนกลบหายไปอย่างโชคร้าย แน่ๆผมมิได้ว่ากล่าวกลุ่มบรรยายเพียงแค่บอกกับคนที่ต้องการจะทดลองกลับมามองอีกรอบว่า การไม่ฟังบรรยายไทยก็อาจจะทำให้คุณได้ศึกษาและทำการค้นพบว่าหนังบางประเด็นนั้นมีอะไรมากยิ่งกว่าเพียงแค่ภาพยนตร์ตลก

ด้วยเหตุว่าบางคราวเรื่องเศร้า พวกเราก็ไม่สามารถที่จะเฮฮาได้

ภาคนี้มีสิ่งที่น่าประทับใจเป็น เค้าโครงเรื่องที่แปลกใหม่ การปรับเปลี่ยนคำกลอนไซอิ๋วคราวนี้ทำเป็นดีอย่างพอดี เรียกว่าลืมตำนานไซอิ๋วแบบเดิมๆไปได้เลย เพราะว่านี่ไม่ใช่เห้งเจียที่ตามรับใช้พระถังซัมจั๋งดั่งลูกศิษย์คุณครู หรือ รอตามคุ้มครองป้องกันพระถังซัมจั๋งจากเหล่าปีศาจร้าย แม้กระนั้นเป็นซาตานลิงที่จองหอง ไม่เคยรู้ไม่ถูกถูกใจเลวทรามดี ไม่เคยรู้ฟ้าทราบดิน และก็เป็นเห้งเจียที่คิดคบกับอสุรกายวัวกระทิงเพื่อเอาเนื้อของคุณครูตนเองมากิน เรียกว่าเป็นเยี่ยมในเห้งเจียที่เป็นชั่วช้าสารเลวที่สุดเลยก็ว่าได้

ความหยาบช้าของเห้งเจียได้ลอยไปถึงหูของเจ้าแม่กวนอิม ก็เลยกำเนิดคำบัญชาเด็ดขาดให้ลงทัณฑ์เจ้าภูติผีลิง กระทั่งฯลฯเรื่องที่ทำให้พระถังซัมจั๋งทำการฆ่าตัวตายเพื่อชดเชยในสิ่งที่ศิษย์ของตนได้ทำลงไป การเสียชีวิตของพระถัมซังจั๋งได้ทำให้เง็กเซียนฮ่องเต้ตกลงใจส่งเจ้าเห้งเจียมากำเนิดใหม่ในอีก 500 ปีที่ล่วงเลยไป เพื่อสำนึกผิดและก็สละชีวิตเพื่อคนอื่นๆ พร้อมร่วมเดินทางไปเชิญพระไตรปิฎกใหม่อีกที


ไม่งงงวยกันนะฮะ? ถ้าอย่างนั้นไปต่อ …


ภาคนี้เป็นเรื่องราว 500 ปีต่อมาจากที่พระถังซัมจั๋งฆ่าตัวตาย เห้งเจียรับบทโดย โจวซืงฉือ ได้มากำเนิดใหม่เป็นหัวหน้ามิจฉาชีพชื่อว่า จุนเป่า ที่ปราศจากความทรงจำว่าตัวเองเคยเป็นเห้งเจียมาเมื่อ 500 ปีกลาย ในตอนต้นของเรื่องผู้แสดงตัวนี้ช่างมีชีวิตที่ไม่มีจุดสำคัญ ดักคนชิงทรัพย์ฆ่าไปวันๆโดยที่ทั้งยังตัวเองแล้วก็ลูกน้อง (มี อู๋ม่งต๊ะ เล่นด้อยกว่าหัวหน้าขโมย ที่ชาติที่ผ่านมาเป็นตือโป๊ยก่าย) ล้วนเป็นคนเซ่อกะโหลกกะลาไม่ได้แตกต่างกัน

รวมทั้งนี่เป็นจังหวะที่พอดิบพอดีสำหรับการใส่แก๊กขำขันที่เป็นจุดขายของเรื่องลงไป ซึ่งแน่ๆว่าอีกทั้งโจวสิงฉือแล้วก็อู๋ม่งต๊ะเป็นที่สุดของดาวตลก ไม่ว่าจะมุกทึ่ม, มุกเคลิ้ม หรือ มุกที่เล่นกันแบบเป็นตับ ก็สามารถเล่นกันได้แสบสันแล้วก็กวนส้นดีล้นเกิน ที่สำคัญการถ่ายทำและก็ลำดับภาพทำออกมาได้เพอร์เฟ็ค เรียกว่า ‘จังหวะดี’ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉากในตำนาน ‘บาทาพิฆาตไฟ’ ที่มีการใช้วิธีถ่ายแบบ Crash-Zoom (นาทีที่ 1:41) หนึ่งในแนวทางที่ Quentin Tarantino ก็ถูกใจใช้ เป็นการดึงเข้าสู้หน้าแต่ละคนอย่างเร็วเพื่อสร้างความระทึกใจและก็เน้นย้ำให้ผู้ชมมองการแสดงแบบเล่นหูเล่นตาโดยเฉพาะอย่างยิ่ง

ไม่ใช่แค่ฉากนี้ แต่มีอีกหลายมุกในภาคนี้ที่เรียกเสียงฮาจากคนดูได้โดนที่ไม่ต้องอาศัยเสียงพากย์อันยียวนเข้ามาช่วย เพราะเชื่อว่ามุกเหล่านี้ผ่านการคิดและคำนวณมาอย่างถี่ถ้วนแล้วว่ามันต้องไม่แป้ก เรียกได้ว่าในช่วงครึ่งแรกของหนังเป็นรัวมุกกันแบบเข้า-ออกไม่มีหยุด ถือเป็นความสำเร็จของคนคิดมุกที่มีความขยันและครีเอทมันออกมาได้อย่างสดใหม่

เมื่อเข้าสู่กลางเรื่องอารมณ์ของหนังเริ่มเปลี่ยน การยิงมุกตลกเริ่มหยุดลง ตัวละครต่างๆถูกดึงกลับสู่เส้นเรื่องอีกครั้งพร้อมเผยบทบาทที่แท้จริงของตัวเองที่มีผลต่อการดำเนินเรื่องออกมา หลายตัวละครเริ่มมีบทบาทมากขึ้น โดยเฉพาะ จิงจิง จอมมารกระดูกขาวที่รับบทโดย คาเรน ม็อก เรียกว่าเป็นนางเอกของภาคนี้เลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อ 500 ปีที่แล้วนั้นเห้งเจียเคยเป็นคนรักของแม่นางจิงจิงมาก่อน มิหนำซ้ำยังเป็นคนที่ทำให้นางชอกช้ำและผิดหวังในความรักอีกต่างหาก 

ตัวละคร จิงจิง จึงเป็นตัวละครที่ดูโศกเศร้าและน่าสงสารที่สุดในเรื่อง เพราะตลอด 500 ปีที่ผ่านมานางไม่เคยตัดใจกับความรักที่นางมีต่อเห้งเจียได้เลย มาตอนนี้ก็ช่วยเหลือจุนเป่าจนตัวเองต้องตายเพราะเพียงเชื่อว่าเค้าคือเห้งเจียปีศาจลิงที่ตนยังคงรักอยู่เสมอมา การตายของจิงจิงได้เป็นเหตุให้จุนเป่าต้องใช้กล่องแสงจันทร์เพื่อย้อนเวลากลับไปช่วย แต่สุดท้ายกล่องแสงจันทร์ดันพาเค้าไปยังอดีตเมื่อ 500 ปีก่อน เพื่อพบว่าคนรักที่แท้จริงของจุนเป่าดันไม่ใช่จิงจิงซะอีก โลกช่างเล่นตลกกับคนบางคนที่ต่อสู้ด้วยชีวิตเพื่อความรัก เพียงแกล้งให้ความรักหันกลับมาฆ่าเค้าได้อย่างหน้าตาเฉย 

ถ้าไม่ใช่ชะตาที่สวรรค์ลิขิตไว้ ชาตินี้ชาติไหน ก็ไม่มีวันได้รักกัน

ภาคนี้น่าสงสารแม่นางจิงจิงซะจริงจริง …..


คะแนนความอิน : 8.0 / 10

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *