รีวิว Star Trek Discovery Ss3 Netflix สู่โลกอนาคตที่ไร้สหพันธ์ ผจญภัยครั้งใหม่ไปไกลกว่าเดิม

Star Trek Discovery ss3 Netflix รีวิว สู่โลกอนาคตที่ไร้สหพันธ์ ผจญภัยครั้งใหม่ไปไกลกว่าเดิม เมื่อพวกของไมเคิลและลูกเรือยาน Discovery เดินทางผ่านรูหนอนข้ามมายังโลกอนาคตเกือบพันปีข้างหน้า แล้วพบว่าสหพันธ์ไม่มีอยู่อีกแล้ว

ในซีซันสามนี้ เรื่องราวจึงเป็นการเดินทางผจญภัยในจักรวาลใหม่ที่เหล่าลูกเรือของยานดิสโคเวอรี่ไม่รู้จักอีกต่อไป รวมถึงความพยายามที่จะฟื้นฟูสหพันธ์กลับคืนมาอีกครั้ง

สำหรับใน Netflix จะมีการอัพเดทสัปดาห์ละหนึ่งตอน ทุกคืนวันศุกร์

ตัวอย่าง Star Trek Discovery ss3 Trailer

Star Trek Discovery ss3 เรื่องย่อ

Star Trek Discovery เป็นซีรีส์ล่าสุดของจักรวาล Star Trek ที่เล่าเรื่องราวในช่วงเวลา 10 ปีก่อนหน้าซีรีส์ Star Trek ภาคแรกสุด หรือเรียกง่ายๆว่านี่เป็นเรื่องราวก่อนหน้าการผจญภัยของพวกตัวละครเอกที่แฟนๆ Trekkie ทั่วโลกชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็น กัปตันเจมส์ เคิร์ก และ สป็อค รวมถึงสมาชิกของยานเอ็นเตอร์ไพร์ส และรวมถึงก่อนหน้าที่จะมีสงครามและความขัดแย้งกับพวกคลิงออนอีกด้วย

โดยเรื่องราวในซีรีส์ Discovery ทั้งหมดจะเน้นการบอกเล่าเรื่องผ่านทางนางเอกหลักคือ ไมเคิล เบิร์นแนม มนุษย์คนแรกที่ได้เข้าเรียนในสถาบันของชาววัลแคน และเธอยังมีศักดิ์เป็นพี่สาวของสป็อค หนึ่งในตัวเอกของสตาร์เทรคด้วย

แต่ทำไมเรื่องราวของตัวเบอร์แนมและยานดิสโคเวอรี่ถึงไม่เคยถูกพูดถึงในภาคหลักนั้น ในซีรีส์ได้มีการอธิบายที่มาที่ไปของเรื่องทั้งหมด แล้วยังช่วยเป็นการเติมเต็มช่องว่างกับรายละเอียดต่างๆให้กับจักรวาล Star Trek ได้ก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง

สำหรับในซีซัน 3 เล่าเรื่องราวต่อจากตอนจบของซีซัน 2 ทันที ที่พวกตัวเอก ไมเคิล เบิร์นแนม และยาน Discovery ได้เดินทางผ่านรูหนอนไปยังโลกอนาคตกว่า 900 ปีข้างหน้า แล้วนำไปสู่การผจญภัยครั้งใหม่ในจักรวาลที่ไม่มีสหพันธ์อีกแล้ว โดยล่าสุดเพิ่งอัพเดทใน Netflix แล้ว 2 ตอน และจะอัพเดทหนึ่งตอนทุกสัปดาห์

Star Trek Discovery ss3 ตัวละคร

ไมเคิล เบิร์นแนม

นางเอกของเรื่อง รับบทแสดงโดย Sonequa Martin-Green นักแสดงสาวผิวสีชาวฝรั่งเศส ที่แจ้งเกิดจากซีรีส์ The Walking Dead ในบทของ ชาช่า

ไมเคิล เป็นลูกสาวของนักวิทยาศาสตร์สามีภรรยาที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์พวกคลิงออนบุกโจมตี แต่เธอรอดชีวิตมาได้ และถูกรับเลี้ยงโดย เซเรค พ่อของสป็อค ดังนั้นเธอจึงกลายเป็นพี่สาวต่างสายเลือดของสป็อค

ไมเคิล เป็นหญิงสาวแกร่ง มีสติปัญญามาก เธอเป็นมนุษย์คนแรกที่ได้เรียนในสถาบันวัลแคน รอบรู้ทั้งด้านเทคโนโลยี ตรรกะ และศิลปะต่อสู้ระดับสูง สำหรับบทบาทของไมเคิล เธอเป็นตัวเอกคนแรกในแฟรนไชส์ Star Trek ที่ไม่ได้เป็นกัปตันยาน

หลังจากจบซีซันสองแล้วเธอต้องผ่านรูหนอนข้ามมายังโลกอนาคต เธอก็ได้พบว่าสหพันธ์ไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้ว เธอจึงตัดสินใจที่จะฟื้นฟูสหพันธ์กลับมา แล้วหาทางตามหาลูกเรือของยาน Discovery ที่ตามเข้ามาในรูหนอนแต่กลับพลัดหลงกันด้วย เรื่องในซีซันสามจึงเป็นการต่อสู้เพื่อฟื้นฟูสหพันธ์กลับมา

ฟิลิปปา จอร์จู

แสดงโดย มิเชล โหย่ว กัปตันหญิงของยานเสิ่นโจว เป็นหญิงแกร่ง เฉลียวฉลาด มีภาวะผู้นำสูง เป็นคนที่ไมเคิลให้ความเคารพอย่างสูงและอยากเจริญรอยตามด้วย แต่เธอเสียชีวิตหลังจากเหตุการณ์ในตอนแรกของซีซันแรก

แต่แล้วฟิลิปปาก็กลับมาอีกครั้งเมื่อยาน Discovery หลุดเข้าไปในจักรวาลคู่ขนานเทอร์แรน แล้วได้พบกับคนหน้าเหมือนกัน แต่ต่างสถานะ เมื่อในจักรวาลนั้นฟิลิปปาเป็นถึงจักรพรรดิสุดโหด ฉลาด เก่งกล้าครบเครื่อง Badass (ต้องดูเอง มิเชล โหย่ว แสดงได้สุดยอดมาก) ถึงอย่างนั้นเธอก็รักใคร่เอ็นดูไมเคิลเหมือนลูกสาวแท้ๆคนหนึ่ง และด้วยเหตุการณ์ต่างๆก็ทำให้ไมเคิลช่วยชีวิตเธอไว้แล้วพาเธอขึ้นยานดิสโคเวอรี่กลับมาด้วย

ฟิลิปปาถือว่าเป็นตัวละครที่มีบทบาทสำคัญในสองซีซันที่ผ่านมา และก็เป็นอีกคนที่ได้เดินทางข้ามมายังโลกอนาคตพร้อมกับพวกไมเคิล และดูเหมือนว่าเธอจะเอ็นจอยกับโลกอนาคตที่ไร้ระเบียบอย่างสุดๆ

ซารู

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของยานดิสโคเวอรี่ เดิมเคยร่วมงานกับไมเคิลที่ยานเสิ่นโจวและเคารพกัปตันฟิลิปปามาก เดิมไม่ค่อยถูกกันกับไมเคิล แต่ภายหลังทั้งสองก็ให้การยอมรับนับถือกันและรักใคร่กันเหมือนพี่น้อง ซารูเป็นชาวเผ่าเคลเปียน ซึ่งเป็นเผ่าที่มีจำนวนเหลือน้อย มีประสาทสัมผัสรับรู้อันตรายได้

ซิลเวีย ทิลลี่

ลูกเรือฝึกหัดของยานดิสโคเวอรี่ เป็นเพื่อนร่วมห้องของไมเคิลบนยาน บุคลิกเป็นคนร่าเริง พูดเก่ง เข้ากับคนง่าย ถือว่าเป็นเพื่อนสนิทคนแรกที่ไมเคิลยอมเปิดใจด้วย เธอยังเป็นที่รักของทุกคนบนยาน ถึงภายนอกจะดูเป็นสาวเนิร์ดสุดเพี้ยน แต่ความจริงเธอมีศักยภาพและภาวะผู้นำระดับสูง ปัจจุบันอยู่ระหว่างการฝึกหัดเป็นผู้บัญชาการของยาน และถูกคาดหวังว่าจะกลายเป็นกัปตันยานที่เก่งกาจในอนาคต

พอล สตาเม็ต

เจ้าหน้าที่วิศวกรรมของยาน เป็นคนยิ้มแย้ม อัธยาศัยดี เป็นที่พึ่งของเพื่อนร่วมงาน เขายอมสละตัวเองรับสารสปอร์ของสิ่งมีชีวิตต่างดาวเข้ามาในร่างกาย แล้วไมเคิลกับเขาก็พบว่า มันสามารถช่วยให้ยานวาร์ปได้อย่างมีประสิทธิภาพ สตาเม็ตยังเป็นคู่รัก LGBT กับ ฮิวจ์ คัลเบอร์ หมอประจำยาน

Star Trek Discovery ss3 รีวิว

Star Trek เป็นซีรีส์ไซไฟอวกาศแนว Space Opera ที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน มีแฟนๆทั่วโลก ที่เรียกตัวเองว่า Trekkie สไตล์ของเรื่องราวจะเป็นเหมือนภาพสะท้อน การล่าอาณานิคมของชาวตะวันตก แต่จงใจทำให้มันดูซอฟท์ลง และตัวเรื่องจะเน้นไปที่การเดินทางสำรวจโลกใหม่ๆ จักรวาลใหม่ และมักเล่นกับเรื่องเส้นเวลา ไทม์ไลน์ การย้อนเวลา ไปจนถึงสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ ความขัดแย้งต่างๆ

ซึ่งในซีรีส์ภาคล่าสุดคือ Discovery ก็ยังคงขนบแบบเดิมเอาไว้บ้าง แต่ในซีซันแรก มีการเพิ่มบางอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในซีรีส์นี้หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น

  • ไมเคิล ตัวเอกไม่ใช่กัปตันยาน ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน
  • ตัวเรื่องในซีซันแรกมีความดาร์ก จริงจังมาก ส่วนในซีซันสองกลับมาเป็นแนวผจญภัย และซีซันสามกำลังปรับรูปแบบอีกแล้วซึ่งคาดเดาได้ยาก
  • กัปตันยานฝั่งตัวเอกในภาคแรกที่จริงแล้วไม่ใช่คนดี ซึ่งแนวทางนี้ก็ไม่เคยมีมาก่อนในซีรีส์ชุดนี้เหมือนกัน
  • มีกัปตันยานเป็นคนเอเชียครั้งแรก แสดงโดย มิเชล โหย่ว และแสดงได้สุดยอดมาก
  • การเดินเรื่องแบบหักมุมที่มีตลอดทั้งสองซีซันที่ผ่านมา และเชื่อได้เลยว่าซีซันสามจะมีอีกแน่นอน

ตัวเรื่องยังมีการเอา Easter Egg จากภาคแรกมาใช้หลายอย่าง เช่น กลุ่มการอ้างอิงถึงตัวละครในซีรีส์ชุดแรก ดาวที่พวกตัวเอกในซีรีส์ภาคแรกเคยเดินทางไป ตัวละครในซีรีส์ชุดเก่า เช่น กัปตันคริสโตเฟอร์ ไพค์ สป็อค เป็นต้น

ส่วนในซีซันสาม จะเหมือนเป็นการก้าวข้าม Star Trek ทุกภาคเอาไว้เบื้องหลัง เมื่อพวกตัวเอกต้องเดินทางข้ามไปโลกอนาคตกว่า 900 ปีข้างหน้า แล้วพบว่า สหพันธ์ที่พวกเขายึดถือได้ล่มสลายไปแล้ว เหลือเพียงตำนานเก่าๆ และจักรวาลก็อยู่ในสภาพที่ไร้ระเบียบ นั่นทำให้ไมเคิลต้องการฟื้นฟูสหพันธ์กลับคืนมา และต้องตามหาลูกเรือของยานดิสโคเวอรี่ที่พลัดกันระหว่างข้ามกาลเวลาไปด้วย

เนื่องจากเป็นเซตติ้งของโลกอนาคตที่ห่างไกล เทคโนโลยีต่างๆในเรื่องจึงล้ำหน้าไปมาก เกินกว่าขอบเขตของสตาร์เทรคภาคก่อนๆ ไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์วาร์ปแบบส่วนบุคคล อาวุธและยานแบบล้ำยุค เรียกได้ว่าภาคนี้สามารถประเคนการใช้เทคโนโลยีล้ำยุคเข้ามาได้เต็มที่แบบไม่กั๊ก แถมเรื่องยังเล่นประเด็นของโลกที่ล่มสลายแบบ Apocalypse ได้ด้วย คนชอบแนวผจญภัยในโลกที่ล่มสลายก็จะชอบแน่ๆ

ด้านจุดเด่นมากๆ ของเรื่องนี้ตั้งแต่สองซีซันแรกและยังคงทำได้ดีมากในซีซันสามนี้ แม้เรื่องจะเพิ่งฉายไปเพียงแค่สองตอนแรกก็ตาม นั่นคือ “ฉากแอ็กชั่น” เพราะฉากต่อสู้ในเรื่องถูกออกแบบมาได้จัดเต็ม อลังการ มีสเปเชียลเอฟเฟค CG ทีค่อนข้างเนียน ทั้งฉากยานอวกาศ ฉากสู้รบบนภาคพื้นดิน การระดมยิงปืนแสง การใช้เทคโนโลยีล้ำยุค ไปจนถึงการต่อสู้ประชิดตัวที่รวดเร็ว มีการออกแบบท่าต่อสู้มือเปล่าและอาวุธมาได้ดีและจัดเต็มสุดๆ เสมือนเรากำลังดูภาพยนตร์แอ็กชั่นไซไฟฟอร์มดีสักเรื่อง

อีกทั้งด้วยพื้นเพตัวละครเอกอย่างไมเคิล ก็ถูกปูว่าฝึกฝนวิชามาจากชาววัลแคน ทั้งด้านวิทยาการและการต่อสู้ ดังนั้นเราจึงได้ตัวเอกที่ต่อสู้มือเปล่าเก่งที่สุดในจักรวาล Star Trek ไปโดยปริยาย แถมยังมีตัวละครอย่าง ฟิลิปปา จอร์จู ที่เป็นถึงอดีตจักรพรรดิผู้เก่งกล้าทั้งบุ๋นและบู๊มาร่วมทีมด้วย เรื่องนี้เลยเหมือนเป็นการโชว์ความเจ๋งแบบ Badass ของตัวละครหญิงในเรื่องได้เต็มที่

และจุดเด่นอีกอย่างที่ปฏิเสธไม่ได้สำหรับในสามซีซันที่ผ่านมาคือตัวละครรองๆ ที่ช่วยสร้างสีสันให้เรื่องนี้ และยังคงมีบทมาถึงซีซันสาม โดยเฉพาะบทของ ฟิลิปปา จอร์จู ที่ได้ มิเชล โหย่ว มารับบท

แล้วก็คงไม่เกินเลยไป หากจะบอกว่านี่คือการแคสติ้งที่ยอดเยี่ยมและถูกต้องที่สุดครั้งหนึ่งในการเอาดาราเอเชียมาแสดงในฮอลลีวูดเลยก็ว่าได้ ชนิดที่เรียกว่าผ่านไปอีกหลายสิบปี มิเชล โหย่ว จะกลายเป็นภาพจำของตัวละครนี้ไปเลย เพราะเธอแสดงได้ดีเยี่ยมทั้งในฉากแอ็กชั่นที่เธอมีความคล่องแคล่วสูงราวกับไม่ใช่ดาราอายุ 50 กว่าปี อีกทั้งในบทเชือดเฉือน การแสดงออกทางคำพูดและสีหน้าท่าทาง มิเชล โหย่ว ก็ทำได้ถึงอารมณ์ แฝงความสุดโฉดของตัวละครนี้ที่เป็นแนวสีเทาเอาไว้ได้ดีมากๆ เรียกว่านี่คือตัวละครที่ช่วยเพิ่มความน่าติดตามให้ซีรีส์นี้ทุกซีนที่เธอออก ส่วนในซีซันสามนี้ เธอก็ยังคงสร้างฉากแอ็กชั่นสุดเจ๋งให้กับเรื่องได้เหมือนเดิมทั้งที่เพิ่งจะฉายไปแค่สองตอน

นอกจากนี้ตัวละครอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ซิลเวีย ที่ได้นักแสดงอย่าง Mary Wiseman มารับบท ก็ทำออกมาได้ดีมาก กับการเป็นสาวเนิร์ดอวบที่ภายนอกดูเฉิ่มๆ พูดเก่ง แต่เป็นที่รักของทุกคน และเป็นตัวละครประเภทเสือซ่อนเล็บด้วย รวมถึงบทของ ซารู ที่ได้ Doug Jone มารับบท ก็ทำได้ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ เขายังเป็นตัวละครประเภทไม่ใช่มนุษย์ คนแรกที่ได้เป็นกัปตันยานในสตาร์เทรค

สำหรับในสองตอนแรกของซีซันสาม ด้วยความที่เรื่องต้องการก้าวข้ามกรอบเดิมๆของซีรีส์นี้ เรื่องเลยออกมาแนว ไซไฟแบบไซเบอร์พังก์ แนวดิบๆ ที่สลัดภาพของสตาร์เทร็คแบบเดิมออกไป แต่ก็ยังคงจิตวิญญาณของเทร็คบางมุมเอาไว้ เช่น การถกเถียงในเรื่องศีลธรรมของมนุษย์ การอุทิศตนเองเพื่อประโยชน์ส่วนรวม เป็นต้น

ส่วนจุดด้อยของซีซันนี้ เท่าที่เพิ่งฉามาสองตอน ยังเห็นไม่ชัดเจนนัก เพราะมันคือการบุกเบิกเส้นทางใหม่ให้กับจักรวาล Star Trek ในแบบที่ยังไม่เคยมีใครสร้างสรรค์ในรูปแบบนี้มาก่อน ซึ่งคงต้องติดตามกันต่อไป

สำหรับการอัพเดท ติดตามได้ใน Netflix ตอนละสัปดาห์ ซึ่งตอนนี้มาได้สองตอนแล้ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *